เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักถึงกลไกการเกิด “กระ” และ “ฝ้า” กันก่อน
“กระ” หรือ Ephelides (Freckels)
จะมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล ขนาดจะเล็กกว่า 0.5 เซนติเมตร ที่บริเวณใบหน้า และบริเวณที่โดนแสงแดด มักเริ่มปรากฏในช่วง 3 ขวบแรกของชีวิต และบางคนเชื่อว่าถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์แบบ Autosomal dominant จุดสีน้ำตาลของกระ จะเข้มขึ้นเมื่อถูกแสงแดด โดยมักจะเข้มขึ้นในช่วงหน้าร้น และอาจจางลงในช่วงหน้าหนาว (ในแถบยุโรป)
“ฝ้า” (Melasma)
มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลที่ใบหน้า โดยเฉพาะที่บริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก คาง บริเวณที่ถูกแสงแดด รอยโรคจะเกิดขึ้นช้า ๆ และมักเป็นเหมือนกันทั้งสองข้างของใบหน้า พบบ่อยในหญิงวัยกลางคน ผื่นมักมีสีคล้ำขึ้นเมื่อถูกแสงแดด
สาเหตุของการเกิดฝ้า
เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยปัจจัยเหล่านั้น จะมีผลกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีในชั้นหนังกำพร้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้แก่
- แสงแดด เชื่อว่า แสงแดดเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ รังสี UVA และ UVB เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้า หรือทำให้ฝ้าเป็นมากขึ้นได้ทั้งสิ้น
- ฮอร์โมน พบผู้ป่วยเป็นฝ้าในขณะตั้งครรภ์ หรือรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน หลังคลอดบุตรหรือหยุดยา ผื่นอาจจะจางลงได้เอง
- ยา พบว่า ผู้ป่วยที่รับประทานยากันชัก ได้แก่ Dipherylhydantoin, Mesantoin มักเกิดผื่นดำคล้ายรอยฝ้าที่บริเวณใบหน้าได้
- เครื่องสำอาง การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอาง อาจทำให้เกิดรอยดำแบบฝ้าได้ ส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นพวกสารที่ให้กลิ่นหอม หรือสี และฝ้าที่เกิดขึ้นมักเป็น Dermal type (เม็ดสีเมลานินในชั้นหนังแท้)
- พันธุกรรม เชื่อว่า พันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดฝ้าในครอบครัว ได้ถึงร้อยละ 20-70 นอกจากนี้ ฝ้ายังพบบ่อยในชาว Hispanics และชาวเอเชีย อย่างไรก็ตาม อุบัติการณ์นี้ อาจเป็นอิทธิพลของพันธุกรรมจริง หรือเป็นจากสิ่งแวดล้อมแสงแดด ก็ยังไม่ทราบชัด
สำหรับฤดูกาลร้อน จะมีผลต่อการเกิด กระ และ ฝ้า ที่แตกต่างกันหรือไม่นั้น คงจะต้องพิจารณาถึงความเข้มของแสงแดดที่ส่งลงมายังชั้นบรรยากาศผิวโลก ซึ่งแตกต่างกันไปตามภูมิภาคต่างๆ ของโลก แต่อย่างไรก็ดี ในแสงแดดนั้นจะมีรังสี UV เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ และชนิดของรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและตาของมนุษย์ หากได้รับในปริมาณที่มากเกินพอ ได้แก่
- UVA ความยาวคลื่น 320-400 nm
- UVB ความยาวคลื่น 290-320 nm
- UVC ความยาวคลื่น 100-290 nm
สัดส่วนของรังสี UV ที่สามารถส่งผ่านลงมาถึงชั้นบรรยากาศของโลก ยังแปรผกผันกับความหนาแน่นของเมฆที่ปกคุมชั้นบรรยากาศเอาไว้ หากปริมาณความหนาแน่นของเมฆมีมาก ก็จะสามารถ block ลำแสง UV ไว้ได้ดีกว่าปริมาณความหนาแน่นของเมฆที่น้อยกว่า
ดังนั้น ในช่วงหน้าร้อน ก็มีโอกาสเกิด “กระ” และ “ฝ้า” ได้มากกว่าฤดูอื่น ๆ หากต้องไปใช้ชีวิตอยู่กลางแดดในที่โล่ง ๆ หรือชายทะเลโดยที่ไม่มีการปกป้องด้วยครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ หรือใช้ Sun Protection อื่น ๆ ให้แก่ผิวหนัง
Yanin Ultra Light Sunscreen Lotion SPF 50/PA++
เรียบเรียงโดย : Yanin Cosmetics
เครดิตภาพจาก : อินเตอร์เนต
Yanin Cosmetics ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบำรุงผิว
เรายินดีและพร้อมให้คำปรึกษา โทร. 08 1651 8088